ทำความรู้จัก “TDKeane” เจ้าของเหรียญทองประวัติศาสตร์หางโจวเกมส์

“TD Keane” ธีเดช ทรงสายสกุล นักกีฬาอีสปอร์ตทีมชาติไทย สร้างความสุขให้แฟนกีฬาชาวไทย เมื่อสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญทองอีสปอร์ตในกีฬาเอเชียนเกมส์มาครองได้สำเร็จ หลังคว่ำ “JUBJUB” พัฒนศักดิ์ วรนันท์ เพื่อนร่วมชาติ ลงได้ 2-0 ในรอบแกรนด์ไฟนอลส์ เกม EA FC Online ที่สนามไชนา หางโจว อีสปอร์ต เซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา

TD Keane หรือ ธีเดช เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ชุมพตน์ ทรงสายสกุล คอลัมนิสต์ชื่อดังเจ้าของนามปากกา “ซัมเมอร์ฮิล” ซึ่งเป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และตัดสินใจตั้งชื่อลูกชายคนนี้ว่า คีน ตาม รอย คีน ตำนานกัปตันผีแดง นั่นเอง

คีน เริ่มต้นเส้นทางสู่การเป็นนักเล่นเกมระดับโปรเพลเยอร์ด้วยการเล่นเกม Winning Eleven กับคุณพ่อตั้งแต่สมัยที่เครื่อง Play Station 1 เปิดตัวใหม่ ๆ แต่มาเริ่มให้ความสนใจอย่างจริงจังตอนได้รู้จักกับเกม FIFA Online และสามารถเทิร์นโปรได้สำเร็จตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี โดยมี MiTH เป็นทีมต้นสังกัดแห่งแรก

จากนั้นชื่อของ TD Keane จึงเริ่มฮอตฮิตติดลมบนจนกระทั่งมีทีมจากประเทศจีน ชวนให้ย้ายไปเล่นอาชีพในลีกแดนมังกรตอนเรียนอยู่ชั้น ม.5 ทว่า คีน ต้องปฏิเสธโอกาสครั้งนั้นไป เนื่องจากทางบ้านไม่อนุญาตคำพูดจาก สล็อต

กระทั่งปี 2018 TD Keane จึงพบกับจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพ เมื่อเขาตัดสินใจย้ายจาก MiTH ไปอยู่กับทีมใหญ่อย่าง Alpha Red ซึ่งเป็นช่วงที่ FIFA Online 4 คลอดออกมาพอดี โดยหลังจากสร้างชื่อเสียงกับต้นสังกัดแห่งนี้อยู่นานพักใหญ่ คีน จึงย้ายไปเล่นให้กับ MS Cerberus หรือ MS Chonburi ในปัจจุบัน ในช่วงกลางปี 2019

ต่อมา TD Keane จึงก้าวไปหยิบแชมป์โลกในทัวร์นาเมนต์ EA Champions Cup Spring 2019 มาครองได้สำเร็จ โดยลงเล่นให้กับทีม TNP Red ซึ่งในยุคนั้นนักกีฬาที่เป็นตัวแทนประเทศไทยไม่ว่าจะมาจากสังกัดไหนจะต้องลงเล่นภายใต้ชื่อ TNP Red ทั้งหมด

ขณะที่เส้นทางในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย TD Keane ซึ่งปัจจุบันเป็นนักกีฬาในสังกัดของ FaZe Clan Thailand เริ่มต้นจากการลงชิงชัยในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่ง คีน พาทีมอีสปอร์ตแดนสยามคว้าเหรียญทองเกม FIFA Online 4 มาครองได้สำเร็จด้วยการดับเจ้าภาพ เวียดนาม 3-2 โดย คีน เป็นผู้เล่นไม้สุดท้าย

กระทั่งล่าสุด TD Keane จึงตอกย้ำความยอดเยี่ยมอีกครั้งด้วยการคว้าเหรียญทองกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 มาคล้องคอได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และกลายเป็นเหรียญทองที่ 6 ของทัพนักกีฬาไทยในศึก “หางโจวเกมส์” อีกด้วย.

ขอบคุณภาพจาก FB: TDKeane

KBANK ตั้งเป้าปี 67 สินเชื่อโต 3-5% คุม NPL ต่ำกว่า 3.25% เชื่อธุรกิจแบงก์เผชิญความท้…

KBANK ปี 66 กำไรโต 18.55% แตะ 42,405 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม-ตั้งสำรองสูง

เศรษฐกิจไทยโตช้า ท่องเที่ยวพยุง แต่ส่งออกไร้เสน่ห์ แนะปรับโครงสร้างระยะยาว

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ประกาศเป้าหมายทางการเงินของธนาคารฯ สำหรับปี 2567 โดยการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ (Loan Growth) ที่ระดับ 3-5% สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพในธุรกิจที่ฟื้นตัว สินเชื่อมีหลักประกัน และการเติบโตในภูมิภาค พร้อมยกระดับการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ โดยปรับกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อ เสริมศักยภาพด้านเครดิตแบบ end-to-end ตั้งเป้าสินเชื่อบรรษัทธุรกิจเติบโต 2-4% สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีเติบโต 1-2% และสินเชื่อลูกค้าบุคคลเติบโต 1-2%

ด้านผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net Interest Margin: NIM) อยู่ในระดับทรงตัว สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย และการเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินยังสูงจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในปีที่แล้ว

โดยส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ (Net Fee Income Growth) เติบโตที่ Mid to high-single Digit ผ่านการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้า ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมรับจากการทำธุรกรรมลดลงจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง

ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to Income Ratio) คาดว่าจะอยู่ในระดับ Low to Mid-40s จากรายได้ที่เติบโตสอดคล้องกับการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การลงทุนเพื่อสนับสนุน K-Strategy โดยยังคงให้ความสำคัญกับการจัดการต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพ (Productivity) อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio – Gross) น้อยกว่า 3.25% ทรงตัวภายใต้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง

สำหรับ ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit cost) คาดว่าจะอยู่ในช่วง 175-195 bps โดยยังคงใช้หลักความระมัดระวังเพื่อรองรับสภาวะความไม่แน่นอนต่างๆ

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในระยะ 3 ปีข้างหน้า จะเติบโตประมาณปีละ 3% โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะยังคงฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง (K-Shaped Recovery) ขยายตัวที่ 3.1% หลัก ๆ มาจากการท่องเที่ยว การส่งออก และการใช้จ่ายของภาครัฐท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

“เมื่อมองถึงบริบทการดำเนินธุรกิจในช่วงเวลาต่อจากนี้ ธุรกิจธนาคารจะเผชิญความท้าทายทั้งสภาพเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน การพัฒนาบริการเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค และการเข้ามาของผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่จำกัดอยู่แค่สถาบันการเงินอีกต่อไป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าว

โดยธนาคารกสิกรไทยจึงได้ประกาศแผน “ยุทธศาสตร์ 3+1” ด้วยการเตรียมพร้อมอย่างแข็งแกร่งในทุกด้าน เพื่อผลักดันอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นเลข 2 หลัก ให้ได้ภายในปี 2569คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ยุทธศาสตร์หลักที่ 1 ยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อ โดยมีกลยุทธ์หลัก คือ การขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์สินเชื่ออย่างมีคุณภาพ เสนอผลิตภัณฑ์แก่กลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ รวมทั้งการดำเนินการเชิงรุกในการรักษากลุ่มลูกค้าที่มีสินเชื่อกับธนาคารอยู่แล้วในปัจจุบัน มุ่งเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อปี 2567 ที่ 3-5% พร้อมเสริมศักยภาพด้านสินเชื่อแบบ end-to-end ยกระดับความสามารถด้านเครดิตรองรับการเติบโตทางธุรกิจ

ยุทธศาสตร์หลักที่ 2 ขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนและการให้คำปรึกษาด้านความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนแบบองค์รวมที่เหมาะสมกับความต้องการตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ครอบคลุมทั้งของธนาคารและจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด และพันธมิตร อาทิ กองทุนรวม แบงก์แอสชัวรันส์ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ด้วยการนำเสนอผ่านช่องทางการขายและบริการอย่างครอบคลุม

โดยตั้งเป้าสินทรัพย์กองทุนรวมภายใต้การจัดการ (Mutual Fund AUM) ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (KAsset) เติบโตประมาณ 30-40% ภายในปี 2569 โดย KAsset มี Mutual Fund AUM ในกองทุนรวมที่ 9.24 แสนล้านบาทในปี 2566 นอกจากนี้ ธนาคารจะมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการชำระเงินทางดิจิทัลผ่านช่องทาง K PLUS ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด

ยุทธศาสตร์หลักที่ 3 เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางต่าง ๆ ของธนาคารที่มีอยู่ในปัจจุบัน ควบคู่กับการริเริ่มช่องทางใหม่ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าในทุกที่ทุกเวลา ภายใต้ยุทธศาสตร์นี้ ธนาคารจะบูรณาการ K PLUS ซึ่งเป็นผู้นำในช่องทางดิจิทัล กับแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่หลากหลาย ผสมผสานกับการส่งมอบบริการในช่องทาง Physical โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มฐานผู้ใช้งาน K PLUS เติบโตประมาณ 20-30% ภายในปี 2569 และรักษาความเป็นผู้นำ จากปัจจุบันที่มีจำนวนผู้ใช้งาน 21.7 ล้านราย ในปี 2566

นอกเหนือจากยุทธศาสตร์หลักแล้ว ยังมี ยุทธศาสตร์ ‘+1’ คือ สิ่งที่ธนาคารดำเนินการเพื่อแสวงหารายได้ใหม่ ได้แก่ การลงทุนผ่านบริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด (KIV) การขยายธุรกิจในภูมิภาค และนวัตกรรมที่เป็นมากกว่าบริการทางการเงิน โดยคาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า ‘+1’ จะมีสัดส่วนประมาณ 5% ของกำไรสุทธิของธนาคาร

นางสาวขัตติยา กล่าวต่อว่า ธนาคารกสิกรไทยเชื่อมั่นว่า การดำเนินงานบนหลักการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3+1 ที่วางไว้ จะทำให้ธนาคารสามารถตอบสนองต่อบริบทที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีและสมดุล เสริมสร้างรากฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง นำเสนอบริการคุณภาพที่ตรงใจลูกค้าอยู่เสมอ ควบคู่กับการส่งเสริมการเติบโตและพัฒนาศักยภาพของพนักงานในองค์กร และคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายสร้างอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นเลข 2 หลัก ได้ภายในปี 2569 พร้อมส่งมอบผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายตามความมุ่งหมาย และนำพาเศรษฐกิจไทยเดินหน้าไปด้วยกัน

เปิดคะแนนฟีฟ่า ทีมชาติไทย หลังเสมอ ซาอุดีอาระเบีย ศึกเอเชียน คัพ

เปิดโปรแกรมรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023

"ตรุษจีน 2567" เปิด 10 แซ่จีน ที่มีคนไทยเชื้อสายจีนใช้มากที่สุด

 KBANK ตั้งเป้าปี 67 สินเชื่อโต 3-5% คุม NPL ต่ำกว่า 3.25% เชื่อธุรกิจแบงก์เผชิญความท้...