โดยสาเหตุน่าจะเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ Bank Run กับธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนที่ผ่านมา ประกอบกับเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ อาจมีการเปลี่ยนแปลงแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
Source: Bitkub Exchange
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ หรือผู้ที่ยังไม่ได้ศึกษาหาความรู้เรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล อาจเคยได้ยินคำว่า “บิตคอยน์” แต่ยังคงไม่ทราบถึงรายละเอียดของสกุลเงินดิจิทัลที่ชื่อว่า “บิตคอยน์” นี้ ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจความหมายของบิตคอยน์กันก่อน
บิตคอยน์ คืออะไร?คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
บิตคอยน์ (Bitcoin) คือ สกุลเงินดิจิทัล เหมือนสกุลเงินบาท ดอลลาร์ ยูโร และสกุลเงินอื่น ๆ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ ไม่มีเหรียญหรือธนบัตรจริง ๆ ให้จับต้อง โดยผู้ใช้สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระบนอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายที่เรียกว่า ‘บล็อกเชน’ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ไม่ต้องอาศัยคนกลางหรือหน่วยงานมาควบคุม แต่ผู้ใช้ทุกคนในเครือข่ายสามารถเข้าถึงและตรวจสอบทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชนนั้นได้ ระบบบล็อกเชนนี้จะมีความปลอดภัยสูง
บิตคอยน์ถูกสร้างโดยผู้ที่ใช้นามแฝงว่า “Satoshi Nakamoto” โดยเขาต้องการที่จะแก้ปัญหาการเงินที่มักถูกควบคุมและแทรกแซงกลไกตลาดจากคนกลาง จึงเกิดเป็นไอเดียที่จะสร้างสกุลเงินที่ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนกันอย่างอิสระได้ โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง (Decentralised) แต่ใช้เทคโนโลยีหลังบ้าน (Blockchain) มาช่วยรองรับการทำงานแทนนั่นเอง
บิตคอยน์จะเพิ่มเข้ามาในตลาดเรื่อยๆ จากการขุด แต่ถูกจำกัดปริมาณไว้ที่ 21 ล้านเหรียญทั่วโลก และเมื่อความต้องการซื้อยังคงมีเพิ่มเรื่อย ๆ ในทุกวัน มูลค่าของบิตคอยน์ก็จะมีมากขึ้น แต่หากนักลงทุนที่ถือครองบิตคอยน์อยู่ มีความเชื่อมั่นในสินทรัพย์อื่นที่มั่นคงมากกว่า ผันผวนน้อยกว่า หรือมีข่าวที่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนบิตคอยน์ เหรียญก็จะถูกเทขายส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ลดลงนั่นเอง
แนวโน้มราคาของบิตคอยน์
ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก “บิตคอยน์” ก็ยังมีการซื้อขายที่ไม่แน่นอนและผันผวนขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา แต่นักลงทุนกลับวางใจให้บิตคอยน์เป็นพี่ใหญ่ของตลาดคริปโตไว้ใช้เพื่อรักษามูลค่า ดูตัวชี้วัดของตลาดอย่าง Bitcoin Dominance และกระจายความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของตลาดจากสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงมากกว่า ต่อมาในปีหลัง ๆ บิตคอยน์ก็เริ่มได้รับความสนใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ และรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ที่เปิดกว้างและยอมรับบิตคอยน์มากขึ้น
เว็บไซต์ Investopedia ได้รวบรวมข้อมูลราคาบิตคอยน์ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2010 ทำให้เราได้เห็นถึงการปรับตัวของราคาอย่างชัดเจนทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจตลอดระยะเวลาสิบกว่าปี และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่เพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าจะมีการผันผวนในแต่ละช่วงปีนั้น ๆ ก็ตาม
Source: Investopedia
จากกราฟจะเห็นได้ว่า ราคาของบิตคอยน์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2010 อยู่ที่ 0.09 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.08 บาท) เท่านั้น และเพิ่มสูงสุดที่ 29.60 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,013.25 บาท) ในวันที่ 7 มิถุนายน 2011 ซึ่งคิดเป็น +2,960% ภายในสามเดือน ต่อมาเกิดภาวะถดถอยอย่างรุนแรงในตลาดสกุลเงินดิจิทัล ส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์ถึงจุดต่ำสุดที่ 2.05 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 70.17 บาท) ภายในกลางเดือนพฤศจิกายน
ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2013 เป็นช่วงที่อธิบายคำว่าผันผวนของบิตคอยน์ได้เป็นอย่างดีเมื่อมีการซื้อขายบิตคอยน์ที่ 123 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,210.47 บาท) แต่ภายในเดือนธันวาคม ราคาก็พุ่งขึ้นเป็น 1,237.55 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 42,363.19 บาท) และลดลงเหลือ 687.02 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 23,517.73 บาท) ในอีก 3 วันต่อมา และราคาก็อยู่ในจุดที่ต่ำมาโดยตลอดปี 2014 และขึ้นมาแตะ 315.21 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,790.11 บาท) เมื่อต้นปี 2015 และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนถึงปี 2016 จนแตะที่ 900 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30,808.35 บาท)
ในปี 2017 ราคาของบิตคอยน์อยู่ที่ประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 34,231.50 บาท) จนกระทั่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 68,463 บาท) ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และทะยานขึ้นไปที่ 19,345.49 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 662,225.14 บาท) ในวันที่ 15 ธันวาคม 2017 ในช่วงนั้นนักลงทุนกระแสหลัก รัฐบาล นักเศรษฐศาสตร์ และหน่วยงานอื่นๆ ทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจกับบิตคอยน์มากขึ้น คนเริ่มรู้จักบิตคอยน์และขยายเป็นวงกว้าง
ในปี 2020-2021 เศรษฐกิจโลกหยุดชะงักเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ราคาของบิตคอยน์พุ่งอีกครั้ง เพราะการปิดตัวของธุรกิจอื่น ๆ เนื่องจากโรคระบาดและนโยบายของรัฐบาลที่ตามมาได้กระตุ้นความกลัวของนักลงทุนในการลงทุนสินทรัพย์หลัก หันมาสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปรียบเสมือนทางเลือกใหม่กันมากขึ้น ราคาบิตคอยน์เมื่อเดือนพฤศจิกายนจึงไต่ระดับไปทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติกาลคือ 68,789.63 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,354,411.07 บาท)
บิตคอยน์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร?
ช่วงปี 2023-2024 ถือเป็นปีแห่งความหวังของบิตคอยน์ จากสภาวะตลาดหมี ที่มีผลมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ สงคราม โรคระบาด รวมถึงความไม่โปร่งใสของคนบางกลุ่ม ส่งผลให้วงการสินทรัพย์ดิจิทัลผันผวนสูงอย่างคริปโตและโทเคนให้แกว่งไปแกว่งมาตลอด 2-3 ปี แต่ในช่วงปีนี้เราเริ่มเห็นข่าวดี ทิศทางของการตายแลัวฟื้นหลายครั้งของบิตคอยน์ มีแนวโน้มของราคาไปในทิศทางที่เพิ่มขึ้น อย่างเช่น เมื่อต้นปี 2023 ก็มี Relative Strength Index (RSI) ที่เกิน 70 แสดงให้เห็นสัญญาณ Overbought และกราฟที่ทำทรงคล้ายกับการฟื้นตัวของตลาดหมีรอบที่แล้ว หรือแม้แต่การล่มสลายของสถาบันทางการเงินแบบ Centralised ที่ทำให้ระบบการเงินแบบ Decentralised ได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาให้ความสนใจ รวมถึงการเกิด Bitcoin Halving ที่ใกล้จะสำเร็จในช่วงปี 2024 ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มมีความหวังกับการขยับตัวในครั้งนี้ แต่ก็ต้องจับตามองกันต่อไปว่าจะมีปัจจัยใดที่ทำให้ราคาแกว่งขึ้นลงได้อีกบ้าง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้รวบรวมมาเป็นเพียงการทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นและคาดการณ์โดยวิเคราะห์จากข้อมูลในอดีต นักลงทุนควรมีวิจารณญาณบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม และศึกษาทำความเข้าใจสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังจะลงทุนให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนทุกครั้งคำพูดจาก เกมสล็อตเว็บแท้
อ้างอิง : Bitkub Blog, Investopedia, BitcoinMagazine, Bitcoin Halving Countdown, Coinmarketcap
คำเตือน:
-คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
-สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
-ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต
-ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื้อหาข้างต้นเป็นการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาโดยใช้ข้อมูลในอดีตและเครื่องมือวิเคราะห์ อาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล