เสียดาย 5 แสนล้านตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแจก เงินดิจิทัล ชี้ควรช่วยแต่คนจน
นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีต สส. และประธานนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเห็นต่อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาล โดยระบุว่า ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งตนเองพยายามละเว้นจะวิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองคู่แข่ง แต่ในเมื่อรัฐบาลจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ จึงขอตั้งข้อสังเกตไว้
โต้ข้ามประเทศ ใช้เงิน 1.2 หมื่นล้าน ทำซุปเปอร์แอปฯ เอื้อเครือข่าย
ให้ ธนาคารรัฐ ทำ ซูเปอร์แอปฯ แจงไม่ใช้เป๋าตัง เพราะวัตถุประสงค์ "ไม่ตรงกัน"
นายพิสิฐ กล่าวต่ออีกว่า รู้สึกเสียดายเงิน 5 แสน 6 หมื่นล้านบาท เงินจำนวนดังกล่าวหากนำมาแจกคนยากจน ประมาณ 10 ล้านคน เป็น 1 แสนล้านบาท ยังพอรับได้
แต่หากนำมาแจกให้พวกเศรษฐี ชนชั้นกลางด้วย ซึ่งใช้เงินไม่กี่วันก็หมด ตนคิดว่า เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำโดยใช้เหตุ
เรานำเงินจำนวนนี้ไปทำประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราสามารถสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ด้วยเงินเพียง 4 แสนกว่าล้าน จะสามารถอยู่ได้เป็นสิบๆ ร้อยๆ ปี เทียบกับที่เราเอามาใช้หมดเปลืองในเวลาเพียงไม่กี่วัน ด้วยเหตุผลว่าได้หาเสียงไว้แล้ว
นายพิสิฐ ยังระบุว่า เห็นด้วยกับนักวิชาการที่ออกมาคัดค้าน อีกทั้งเงินดิจิทัลนี้ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกทำ จึงถูกจับตามองอยู่เป็นข้อกังขาว่าเหตุใดรัฐบาลมาแตะต้องเรื่องนี้ รวมถึงกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ระบุไว้ชัดว่า การพิมพ์ธนบัตรและออกเงินตราเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยจริงอยู่ที่กฎหมายอนุญาตว่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่เชื่อว่า ตำแหน่งดังกล่าวก็ใช่ว่ามีความรู้ก็มาเซ็นอนุมัติ แต่ต้องมีเหตุผล
นายพิสิฐ ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการพิมพ์ธนบัตรดิจิทัลปลอมขึ้นมา ใครจะติดตามรับผิดชอบยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้ ไฉนเลยจะใช้ช่องว่างของกฎหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังดำเนินการได้
สำหรับการชดเชยการขาดดุลก็ยังไม่ชัดเจน แต่เท่าที่ฟังจากรัฐมนตรีช่วย เห็นว่าจะนำมาจากงบประมาณที่รัฐเก็บได้สูงเกินเป้าหมาย แต่ความจริงจำนวนดังกล่าวถือเป็นเงินคงคลัง วิธีดังกล่าวจึงเป็นการเบียดบังเงินคงคลังโดยใช่เหตุ ส่วนหากจะนำเงินธนาคารออมสินมาใช้ เงินดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นของนักเรียนที่ส่งเสริมให้เด็กออมเงิน แปลว่ารัฐบาลนี้ทำตัวอย่างที่ไม่ดี คือนำเงินมาแจกให้บริโภค เป็นเรื่องย้อนแย้งกัน
เงินออมสินก่อตั้งโดยรัชกาลที่ 6 และมีคำว่า ‘ออม’ อยู่ในชื่อ กลายเป็นว่ารัฐบาลริอ่านจะนำเงินนี้มาผลาญเล่น ก็จะกลายเป็นหนี้สาธารณะ ที่อนาคตเราก็ต้องมาเก็บภาษีคืนให้ ซึ่งก็ไม่ถูก
นายพิสิฐ ยังย้ำว่า ไม่เชื่อว่างบประมาณของนโยบายดังกล่าวจะมาจากงบประมาณปี 2567 เพราะต้องใช้เป็นรายจ่าย หากเอาเงินนอกงบประมาณมาใช้ผลาญเล่นก็จะเกิดผลกระทบกับระบบการเงิน จึงไม่อยากเชื่อว่าจะนำอนาคตมาเสี่ยงอย่างที่หลายคนเตือน ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ก็ตั้งแท่นศึกษาแล้วว่า จะเป็นการทุจริตครั้งใหญ่หรือไม่
ส่วนกรณีหุ้นตกนั้น นายพิสิฐ มองว่า เป็นปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนความรู้สึกของนักลงทุน ว่าไม่มั่นใจกับโครงการนี้ แต่ส่วนตัวเห็นด้วยในการช่วยเหลือคนจน แต่ไม่จำเป็นต้องแจกทุกคน หากจะดูแลคนจนสามารถแบ่งแจกเป็นบางส่วน เชื่อว่าสังคมยอมรับได้
อ.เจษฎา ออกมาไขคำตอบ ทำไม? เทสลา ถึงแจ้งเตือน "ผี" ได้
รู้จัก "Super App" แอปฯครบวงจร รองรับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ประกาศเตือนฉบับที่ 4 พายุดีเปรสชันทวีกำลังแรงขึ้น! คำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง