หวานชื่น! “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ย้ำไม่มี “พรรค 2 ลุง” ในสมการตั้งรัฐบาล
จากกรณีพรรคเพื่อไทย ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย จับมือตั้งรัฐบาลร่วมกัน ซึ่งภายหลังการแถลงข่าวมีคำถามมากมายจากบรรดาสื่อมวลชนที่ต้องการคำอธิบายถึงความร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลของ 2 พรรคในครั้งนี้
โดยคำถามแรกถามว่า หลังจากวันนี้จะมีพรรคไหนมาร่วมและมีเงื่อนไขอะไรอีกหรือไม่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นสารตั้งต้น 212 เสียง ที่เข้มแข็ง หลังจากนี้จะมีการเชิญ หรือเข้าไปหาพรรคการเมืองอื่นๆ ที่จะเป็นพรรคร่วมทั้งหมด
“เพื่อไทย” จับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล ยันรวมเสียง สส.ได้เกินกึ่งหนึ่งแล้ว
อนุทิน เผย จับมือตั้งรัฐบาลกับ "เพื่อไทย" ขอหารือรายละเอียดก่อน
“วิโรจน์” ขอเปิดใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อย หาก “เพื่อไทย” หวนจับมือ
เมื่อถามว่าจะถือเป็นรัฐบาลสมานฉันท์หรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า สถานการณ์ขณะนี้โดยเฉพาะวิกฤติรัฐธรรมนูญที่ทำให้เราไม่สามารถทำตามเจตนารมณ์ของประชาชน หรือสิ่งที่เราคาดหวังได้ มันติดทุกด้าน ดังนั้นการที่เราหันหน้าเข้าหากัน เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาให้บ้านเมืองคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด
และเมื่อถามว่าจะจับมือกับ 2 ลุงแล้วเอาพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในแถลงการณ์บอกชัดเจนว่าเราไม่มี 2 ลุง แต่เราไม่ปฏิเสธเงื่อนไขว่าหากจะมี สส. หรือ สว. ลักษณะเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลมาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเอกสิทธิ์เป็นดุลยพินิจของแต่ละคน
เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยยังเป็นนายเศรษฐาหรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า เรายังยืนยันตามที่เคยแถลงข่าวไปแล้ว ซึ่งยังเป็นนายเศรษฐา
เมื่อถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญตามแนวทางของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะใช้เวลานานแค่ไหน นพ.ชลน่าน ตอบว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญเราถือเป็นวาระเร่งด่วน การประชุมครม.ครั้งแรกจะมีมติให้ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งกระบวนการทำประชามติจะใช้เวลาพอสมควร หลังจากนั้นก็จะมีการจัดตั้ง สสร.มายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบวกเวลาการพิจารณาในสภาน่าจะไม่ต่ำกว่า 2 ปี หรือ 2 ปีขึ้นไป
ส่วนคำถามที่ว่ามีความเชื่อมั่นมากแค่ไหนที่จะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย เมื่อเปรียบเทียบกับการตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลที่มีเสียงประชาชนสนับสนุน 25 ล้านเสียงนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญไทยมีข้อจำกัด เพราะไม่ได้ยึดเสียงประชาชนที่เลือกตั้งเป็นหลัก เพราะมีการเลือกนายกฯในรัฐสภา ต้องใช้เสียง สว.ร่วมโหวตด้วย เป็นเงื่อนไขสำคัญที่เราไม่สามารถจัดตั้งรับบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลได้ เพราะเราไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. หรือ สส.จากพรรคที่ประกาศไม่เลือกนายกฯจากพรรคก้าวไกล ส่วนการจับมือกับพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกจากประชาชน เป็นอันดับที่ 3 และพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้ถูกแต่งตั้งมา แต่มาจากประชาชนเช่นกัน
“เสียงที่สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย และพรรคอื่นๆ ที่มี สส.เกินกึ่งหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นความชอบธรรม เป็นความเชื่อมั่นของประชาชนในระดับหนึ่ง จึงมีความเชื่อมั่นว่าเมื่อจับมือกับพรรคภูมิใจไทยแล้วจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ และมั่นใจว่าโอกาสที่จะสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยมีสูง”นายชลน่าน กล่าวคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามถึงการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทยตอนหนึ่งว่า เราไม่มีนโยบายหรือความตั้งใจที่จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขณะนี้เรากำลังรวบรวมเสียงซึ่งเกินกึ่งหนึ่งแล้ว และพยายามจะสร้างความมั่นคงเต็มที่ โดยเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกกลุ่มทุกคน สามารถเลือกนายกได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจากนี้ไปตลอดสัปดาห์เกือบทุกวันก็จะได้เห็นภาพการจับมือร่วมรัฐบาลกัน ทั้งนี้รัฐบาลจะมีภารกิจ 3 ด้าน คือการแก้วิกฤติรัฐธรรมนูญ วิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติสังคมคือความขัดแย้งในสังคม
นายภูมิธรรม ยังอธิบายถึงคำถามที่เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประชาชนว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดและฉากทัศน์ใหม่ เรามอง สส.จากทุกพรรคในสภา เป็นตัวแทนของประชาชนที่เลือกเข้ามา ต่างความคิด ต่างความชอบความเชื่อต่างๆ ดังนั้นทุกพรรคการเมืองล้วนมีฐานสนับสนุนจากประชาชนทั้งสิ้น ซึ่งในการจัดตั้งรัฐบาลในภาวะวิกฤติแบบนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการรวบรวมส่วนต่างๆให้มากที่สุด ทั้งนี้ต้องคำนึงอารมณ์ความรู้สึกประชาชนไปด้วย ซึ่งในขณะนี้เรากำลังทำอยู่บนเงื่อนไขที่ประชาชนต้องการ และสภาพความเป็นจริงที่การเมืองไทยเป็นอยู่
“การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เราเริ่มต้นด้วยการร่วมมือกัน 2 พรรค 212 เสียง เป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้ และจากวันนี้จะได้พรรคที่มาจากทั้ง 2 ขั้วมาร่วมกัน แต่ก็จะมีบางพรรคที่อาจจะมีปัญหาที่ต้องประกอบการพิจารณา ซึ่งต้องรอวันที่เลือกตั้งเสร็จว่าเราได้คำนึงถึงความต้องการประชาชนกับความเป็นจริงทางการเมืองอย่างไร แล้วตรงนั้นจะมีคำตอบที่ชัดเจน”นายภูมิธรรมกล่าว
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบคำถามถึงการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทยตอนหนึ่งว่า การที่พรรคภูมิใจไทยได้เสนอให้พรรคเพื่อไทยตั้งแต่การหารือกันครั้งแรกว่า พรรคภูมิใจไทยไม่มีนโยบายร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเนื่องจากไม่เกิดความั่นคงทางการเมือง และไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับประเทศ ส่วนเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลทั้งนี้เรามีเพียง 3 เงื่อนไข ส่วนการดำเนินการอย่างไรนอกเหนือจาก 3 เงื่อนไขก็เป็นดุลยพินิจของพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่าก่อนเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทยเคยฟ้องร้องนายเศรษฐา ตอนนี้มีการถอนฟ้องแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ถอนแล้วครับ”